1. เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อน ไปฝังที่โพรงมดลูกแล้วอาจไปโดนเส้นเลือดฝอย ทำให้เส้นเลือดฉีกขาดมีเลือดไหลออกมาได้ โดยมีเลือดไหลออกมาแบบกะปริดกะปรอย มีสีแดงอ่อน ๆ ไม่มีอาการปวดท้อง และเกิดขึ้นอีกประมาณ 3 สัปดาห์หลังมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย ซึ่งอาการนี้ไม่เป็นอันตรายและเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าตั้งครรภ์แล้วนะ เตรียมเป็นคุณแม่มือใหม่ได้เลยค่ะ
2. เกิดจากช่องคลอดติดเชื้อ เนื่องจากช่วงตั้งครรภ์ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง มีฮอร์โมนเพศหญิงสูงขึ้น ทำให้มีตกขาวมากขึ้นด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ช่องคลอดเกิดการอับชื้น และอาจติดเชื้อเป็นแผลอักเสบ ทำให้มีเลือดไหลออกมาได้ แต่ไม่มีอันตรายใด ๆ กับเจ้าตัวเล็กในครรภ์ค่ะ
3. เกิดจากภาวะแท้งคุกคาม เป็นอาการที่พบบ่อยในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ โดยจะมีเลือดออกกะปริดกะปรอยร่วมกับมีอาการปวดเกร็งบริเวณท้องน้อยด้วย และอาการจะทวีความรุนแรงขึ้นจนตกเลือดได้ หากมีอาการน่าสงสัยนี้ต้องรีบไปพบคุณหมอทันที เพื่อทำการรักษาและป้องกันโดยด่วน เพื่อลูกน้อยในครรภ์จะได้ปลอดภัยค่ะ
4. เกิดจากท้องลม ถือเป็นความผิดปกติของการตั้งครรภ์ ที่พบได้ในช่วง 3 เดือนแรก ซึ่งจะมีอาการเหมือนคนตั้งครรภ์ทั่วไป คือมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน คัดเต้านม แต่หลังจากนั้นจะเกิดภาวะไข่ฝ่อ คือไม่มีตัวเด็กหรือไข่ไม่เจริญเติบโตไปเป็นตัวเด็ก จนนำไปสู่การแท้งเองตามธรรมชาติ ทำให้มีเลือดออกที่ช่องคลอด และอาจมีอาการปวดท้องน้อยก่อนที่เลือดจะออกมาด้วยค่ะ
4. เกิดจากท้องลม ถือเป็นความผิดปกติของการตั้งครรภ์ ที่พบได้ในช่วง 3 เดือนแรก ซึ่งจะมีอาการเหมือนคนตั้งครรภ์ทั่วไป คือมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน คัดเต้านม แต่หลังจากนั้นจะเกิดภาวะไข่ฝ่อ คือไม่มีตัวเด็กหรือไข่ไม่เจริญเติบโตไปเป็นตัวเด็ก จนนำไปสู่การแท้งเองตามธรรมชาติ ทำให้มีเลือดออกที่ช่องคลอด และอาจมีอาการปวดท้องน้อยก่อนที่เลือดจะออกมาด้วยค่ะ
5. เกิดจากรกเกาะต่ำ มักจะเกิดขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หรือก่อนคลอด คือการที่รกมาเกาะบริเวณส่วนล่างของมดลูก ใกล้กับปากมดลูกหรือปิดปากมดลูก ทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอด โดยเลือดจะเริ่มไหลทีละนิดไปจนถึงไหลออกมามาก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มดลูกจะเกิดการบีบรัดตัวทำให้ปากมดลูกเปิด เกิดการตกเลือดหรือคลอดก่อนกำหนดได้ค่ะ
6. เกิดจากท้องนอกมดลูก คือการที่ตัวอ่อนไม่ได้ไปฝังตัวที่โพรงมดลูก แต่ไปฝังอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น ค้างอยู่ที่ท่อนำไข่ คราวนี้เมื่อตัวอ่อนเจริญเติบโตขึ้น อวัยวะนั้นจะไม่สามารถรองรับขนาดได้ และจะทำให้มีอาการปวดท้องน้อยมาก ปวดเป็นระยะ ๆ มีเลือดออกในช่องท้องมากจนไปกดทับใต้กระบังลมทำให้ปวดร้าวหลัง มีความดันต่ำ เวียนศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว มีเลือดออกที่ช่องคลอดมาก เกิดการแท้งจนเสียเลือดมากและอาจเกิดการช็อกได้ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะภาวะท้องนอกมดลูกพบได้น้อยมาก ทางที่ดีถ้ามีเลือดออกขณะตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบคุณหมอให้เร็วที่สุดค่ะ
6. เกิดจากท้องนอกมดลูก คือการที่ตัวอ่อนไม่ได้ไปฝังตัวที่โพรงมดลูก แต่ไปฝังอยู่นอกโพรงมดลูก เช่น ค้างอยู่ที่ท่อนำไข่ คราวนี้เมื่อตัวอ่อนเจริญเติบโตขึ้น อวัยวะนั้นจะไม่สามารถรองรับขนาดได้ และจะทำให้มีอาการปวดท้องน้อยมาก ปวดเป็นระยะ ๆ มีเลือดออกในช่องท้องมากจนไปกดทับใต้กระบังลมทำให้ปวดร้าวหลัง มีความดันต่ำ เวียนศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว มีเลือดออกที่ช่องคลอดมาก เกิดการแท้งจนเสียเลือดมากและอาจเกิดการช็อกได้ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะภาวะท้องนอกมดลูกพบได้น้อยมาก ทางที่ดีถ้ามีเลือดออกขณะตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบคุณหมอให้เร็วที่สุดค่ะ
ที่มา >>> kapook
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น