วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ตกเลือดหลังคลอด เกิดจากอะไร เรื่องอันตรายถึงชีวิตที่คนท้องต้องรู้ !



    ตกเลือดหลังคลอด คืออะไร อาการเป็นอย่างไร วิธีรักษาต้องทำอย่างไร ถ้าเป็นแล้วจะอันตรายแค่ไหน คุณแม่ตั้งท้องที่กำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่ารอช้า มาศึกษาเอาไว้กันเลย

ตกเลือดหลังคลอด ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งคุณแม่ที่คลอดเองธรรมชาติและผ่าคลอด ซึ่งถือเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ที่เป็นอันตรายกับคุณแม่โดยตรง และปัจจุบันก็เป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คุณแม่ส่วนใหญ่มักเสียชีวิตหลังคลอด และด้วยเหตุนี้ จึงได้นำข้อมูลเกี่ยวกับ การตกเลือดหลังคลอด มาให้คุณแม่ทั้งหลายได้ศึกษากันเอาไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือ รู้จักวิธีสังเกตอาการ และจะได้รักษาได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง

ตกเลือดหลังคลอด คืออะไร
ภาวะตกเลือดหลังคลอด คือ การมีเลือดออกเป็นจำนวนมากหลังจากที่คลอดทารกออกมาแล้ว โดยมีปริมาณเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 500 มิลลิลิตร สำหรับคุณแม่ที่คลอดเอง และมากกว่าหรือเท่ากับ 1,000 มิลลิลิตร สำหรับคุณแม่ที่ผ่าคลอด ซึ่งภาวะตกเลือดหลังคลอดนี้ถือเป็นภาวะที่ฉุกเฉิน จะต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้



ตกเลือดหลังคลอด เกิดจากอะไร
สำหรับการตกเลือดหลังคลอดสาเหตุของภาวะนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่

1. การตกเลือดระยะแรก คือ ตกเลือดภายใน 1 วันหลังคลอด ซึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดเกิดจากการที่กล้ามเนื้อของมดลูกหดรัดตัวไม่ดี เช่น กรณีที่ทารกในครรภ์ตัวโตมากเกินไป หรือการตั้งครรภ์แฝด นอกจากนี้อาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น ๆ เช่น การฉีกขาดของช่องคลอดหรือปากมดลูก, มีเนื้องอกมดลูกที่ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก, มีเศษรกหรือเยื่อหุ้มทารกตกค้างอยู่ในโพรงมดลูก หรืออาจเกิดจากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เป็นต้น

2. การตกเลือดระยะหลัง คือ ตกเลือดหลังคลอดบุตรไปแล้วเป็นเวลา 1 วัน ไปจนถึง 3 เดือน โดยสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดคือการติดเชื้อ เช่น กรณีที่มีถุงน้ำคร่ำแตกมาเป็นระยะเวลานานก่อนที่จะคลอด หรืออาจเป็นเพราะการตรวจภายในระหว่างรอคลอดที่มากเกินไป, การมีเศษรกหรือเยื่อหุ้มทารกติดค้างอยู่ในโพรงมดลูก เป็นต้น

ตกเลือดหลังคลอด อาการเป็นอย่างไร
วิธีสังเกตอาการของภาวะตกเลือดหลังคลอด หากตกเลือดในระยะแรกให้คุณแม่สังเกตตัวเองว่ามีเลือดออกทางช่องคลอดมากผิดปกติหรือไม่ หรือมีเลือดออกเป็นลิ่ม ๆ มีอาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ซึ่งถ้ามีอาการเหล่านี้ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที ส่วนในกรณีที่มีการตกเลือดระยะหลัง อาจจะมีเลือดออกมาเล็กน้อยแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เป็นไข้ ปวดท้องน้อย และปวดมดลูก เป็นต้น ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ให้รีบกลับไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วน


ตกเลือดหลังคลอด รักษาอย่างไร
การรักษาอาการตกเลือดหลังคลอด หากเป็นในระยะแรกแพทย์จะต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เกิดขึ้น เช่น หากมีการฉีกขาดของช่องทางคลอด แพทย์จะทำการเย็บซ่อม, หากมีเศษรกหรือเยื่อหุ้มทารกค้างในโพรงมดลูก จะต้องทำการขูดมดลูก, หากเสียเลือดมากจากกระบวนการช่วยในการแข็งตัวของเลือด แพทย์ก็จะต้องทำการให้เลือดและให้สารช่วยในการแข็งตัวของเลือด หรือหากเกิดจากสาเหตุมดลูกหดรัดตัวไม่ดี ก็อาจจะต้องให้น้ำเกลือ ให้เลือด ให้ยาช่วยในการหดรัดตัวของมดลูก และช่วยนวดคลึงมดลูก เป็นต้น

ส่วนการรักษาการตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง มักจะเกิดจากมีการติดเชื้อ หรือมีเศษรกติดค้างอยู่ในโพรงมดลูก ในกรณีนี้แพทย์จะทำการตรวจภายในประเมินสภาพมดลูกเสียก่อน เพื่อดูว่ามีเศษรกติดค้างอยู่หรือไม่ หากตรวจพบว่ามีก็อาจจะต้องให้ยาปฏิชีวนะหรือพิจารณาขูดมดลูก เป็นต้น


ตกเลือดหลังคลอด ป้องกันได้อย่างไร
การป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอด คุณแม่สามารถดูแลตนเองได้ตั้งแต่ที่รู้ว่าเริ่มตั้งครรภ์ ดังนี้

- แนะนำให้เริ่มฝากครรภ์ทันทีที่รู้ว่าตนเองตั้งท้อง เพื่อที่จะได้ปรึกษา หรือขอคำแนะนำจากแพทย์ เกี่ยวกับการดูแลตนเอง
- สำรวจข้อมูลและประวัติของตนเอง เช่น มีประวัติเป็นเบาหวาน มีภาวะเลือดจางหรือไม่ หรือคุณแม่คนไหนที่ตั้งครรภ์ท้อง 2 ก่อนหน้านี้ที่ตั้งครรภ์ท้องแรกเคยมีประวัติตกเลือดหลังคลอดหรือไม่ เพราะถ้าหากเคยมีจะมีโอกาสที่จะเป็นซ้ำในครรภ์ต่อ ๆ ไปได้สูงกว่าคนทั่วไปนั่นเอง
- ดูแลตนเอง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด
- ควรรับประทานยาบำรุงครรภ์หรือวิตามินให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก
- หมั่นตรวจร่างกายโดยการไปพบแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง ทั้งนี้คุณแม่ควรหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของตนเองด้วย หากมีอาการใดผิดปกติให้รีบแจ้งแพทย์ทันที

สำหรับภาวะตกเลือดหลังคลอด ถึงแม้จะเป็นอันตรายถึงชีวิตคุณแม่ก็จริง แต่หากคุณแม่ได้ศึกษาและเตรียมตัวเป็นอย่างดี รวมถึงไปพบแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง และดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ เพียงเท่านี้ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเป็นกังวลมากเกินไปแล้วค่ะ อย่างไรก็อย่าเครียดจนเกินไปนะคะ


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : baby.kapook , รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงประนอม บุพศิริ, haamor , maerakluke , konthong 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เงินอุดหนุนบุตรเดือนกรกฎาคม 2565 โอน 600 บาท เข้าบัญชีพ่อแม่วันนี้ เช็กเลย

    เงินอุดหนุนบุตร เดือนกรกฎาคม 2565 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เผย เงินอุดหนุนเด็ก 600 บาท ออกวันศุกร์ที่ 8 กร...